รวมความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับเครื่องซักผ้า 

เครื่องซักผ้าเป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานได้ง่าย เพียงใส่ผ้า เติมน้ำยา แล้วกดปุ่มก็จบ แต่มีบางพฤติกรรมการใช้งาน ที่หลายคนกำลังเข้าใจ และมีความเชื่อผิดๆ และกำลังใช้งานเครื่องซักผ้าแบบผิดๆ  ซึ่งถ้าเราใส่ใจในการใช้งานอีกสักนิด จะช่วยถนอมเครื่องซักผ้า ให้สามารถใช้งานได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น จะมีความเชื่อ ความเข้าใจอะไรผิดๆ บ้าง ฉลาดเลือกเรารวบรวมมาให้แล้ว  กับ การรวบ รวมความเชื่อผิดๆ เครื่องซักผ้า 

ยิ่งใส่น้ำยาเยอะยิ่งดี

หลายคนมีความเชื่อว่า การใส่น้ำยาเยอะผ้ายิ่งสะอาด แต่ความเป็นจริงแล้ว ใส่น้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกมากเกินไปจะทำให้น้ำไม่สามารถชะล้างได้หมด และเกิดเป็นคราบติดบนเสื้อผ้า ยิ่งถ้าเป็นเสื้อผ้าสีเข้มจะยิ่งเห็นคราบได้ชัดเจน และอาจเกิดแบคทีเรียสะสม ทำให้มีกลิ่นอับ ซึ่งหลังจากเราตรวจพบว่าเสื้อผ้าซักได้ไม่สะอาด สิ่งที่เราจะทำต่อมาจากความเคยชิน คือการซักซ้ำ ทำให้เปลืองน้ำ เปลืองไฟเพิ่มอีกต่างหาก

และนอกจากผลเสียกับเสื้อผ้าแล้ว ยังส่งผลเสียต่อตัวเครื่องซักผ้าได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นช่องเติมน้ำยา หรือการอุดตันของท่อน้ำ เพราะฉะนั้น ควรใส่น้ำยาหรือผงซักฟอก ให้พอดีกับปริมาณของเสื้อผ้าจะดีที่สุด 

เครื่องซักผ้าความจุ 10 กิโลกรัม ใส่ผ้าได้ 10 กิโลกรัมรึเปล่า?

เครื่องซักผ้า

เป็นสิ่งที่หลายคนอาจจะกำลังเข้าใจผิดว่า ความจุเครื่องซักผ้าเท่ากับ สามารถใส่เสื้อผ้าเข้าไปได้ถึงความจุนั้น เช่นเครื่องระบุว่าความจุ 10 กิโลกรัม ไม่ใช่ใส่ผ้าได้ความจุ 10 กิโลกรัม แต่ความเป็นจริงแล้ว เราต้องคำนวณน้ำหนักผ้าบวกกับน้ำที่จะใส่ลงไปด้วย 

โดยมีสูตรการคำนวนง่ายๆ โดยไม่ต้องช่างน้ำหนักผ้าคือ 

  • ความจุ 5-6.9 กิโลกรัม ซักเสื้อผ้าได้ราว 25-30 ชิ้น
  • ความจุ 7-8.9 กิโลกรัม ซักเสื้อผ้าได้ราว 36-45 ชิ้น
  • ความจุ 9-10.9 กิโลกรัม ซักเสื้อผ้าได้ราว 46-65 ชิ้น
  • ความจุ 11 กิโลกรัมขึ้นไป ซักเสื้อผ้าได้ราวๆ 56 ชิ้นขึ้นไป

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันขึ้นอยู่กับ ชนิดของผ้าที่ใส่ลงไปด้วย ถ้าเป็นผ้าที่มีน้ำหนัก ก็ควรเฉลี่ยประมาณให้เหมาะสม การใส่เสื้อผ้าเกินขีดกำจัด ยังมีผลต่อความสะอาดในการซักเสื้อผ้าอีกด้วย เพราะการอัดผ้าแน่นเกินไป จะทำให้ผ้าไม่มีพื้นที่ในการกระจายน้ำยา หรือเสียดสีกัน ทำให้เสื้อผ้าไม่สะอาด อีกทั้งยังทำให้มอเตอร์ของเครื่องซักผ้าทำงานหนัก และส่งผลต่ออายุการใช้งานในระยะยาวได้ 

ใช้เครื่องซักผ้าเสร็จต้องปิดฝาทุกครั้ง?

เครื่องซักผ้า

ในข้อนี้เป็นความเคยชินของหลายคน หลังจากซักผ้าเสร็๋จ ก็จะรีบปิดฝาเครื่องซักผ้าทุกครั้ง เพื่อความเรียบร้อย และป้องกันไม่ให้มีฝุ่น แมลง หรืออะไรก็ตามลงไปในเครื่องซักผ้า แต่ความเป็นจริงแล้ว การปิดเครื่องซักผ้าเลยทันที หลังจากใช้งานเสร็จ จะทำให้เกิดการสะสมของความชื้น ซึ่งสิ่งที่จะตามมาก็คือ กลิ่นอับ แบคทีเรีย หรือเชื้อราได้ สิ่งที่ควรทำก็คือ เมื่อใช้งานเครื่องซักผ้าเสร็จ อย่าเพิ่งปิดฝาเครื่องในทันที ให้รีบนำผ้าออก อย่าแช่ผ้าไว้ในเครื่องนานๆ จากนั้นเปิดฝาเครื่องค้างไว้ เพื่อให้คลายความชื้น จนแห้งแล้วค่อยปิดฝา 

มีน้ำรั่วซึมที่เครื่องซักผ้าฝาหน้า

เครื่องซักผ้า

ในความเข้าใจนี้ มีสาเหตุมาจากลักษณะรูปทรง ที่ฝาหน้าอยู่บริเวณด้านหน้า อาจทำให้มีน้ำรั่วซึมระหว่างซัก แต่ความเป็นจริงแล้ว กรณีที่มีน้ำรั่วซึมมาจากฝาหน้าของเครื่องซักผ้า เกิดจากการที่ยาง หรือซีลกันรั่วที่อยู่ในฝาเปิด/ปิด เกิดการเสื่อมสภาพ จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดน้ำรั่วออกจากถังซัก แต่เครื่องซักผ้าในรุ่นใหม่ๆ ตอนนี้มีการออกแบบเพื่อแก้ปัญหาตรงจุดนี้แล้ว เพราะฉะนั้น ใครที่สนใจเครื่องซักผ้าฝาหน้าแล้วกังวลเรื่องการรั่วซึมของน้ำ ที่ฝาประตูหน้าหมดกังวลได้

ไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดเครื่องซักผ้า

เครื่องซักผ้า

เชื่อว่ามีน้อยคน ที่จะทำความสะอาดเครื่องซักผ้าอย่างสม่ำเสมอ และเน้นใช้งานอย่างเดียวซะมากกว่า แต่ความเป็นจริงแล้ว ถ้าเครื่องซักผ้าไม่สะอาด แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่า เสื้อผ้าที่เราใส่ลงไปจะสะอาด เพราะฉะนั้น เราจึงควรทำความสะอาด เครื่องซักผ้า อย่างสม่ำเสมอ ทั้งภายในและภายนอก ภายนอกคือเช็ดทำความสะอาดฝุ่น และสิ่งสกปรกไม่ให้เกาะตัวเครื่อง

ส่วนภายใน ก็ไม่จำเป็นต้องแกะตัวเครื่องให้วุ่นวาย ยิ่งถ้าเป็นคนไม่มีฝีมือ แล้วไปแงะแกะเครื่องอย่างไม่ชำนาญ อาจทำให้เครื่องเสียหายได้ เพียงแค่คอยจัดการสิ่งสกปรกที่ติดค้างอยู่ในเครื่อง และกดโหมดล้างถังซัก เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว 

เครื่องซักผ้า
ภาพประกอบจาก Canva

ทั้งหมดนี้ก็เป็นการรวบรวมความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับเครื่องซักผ้า พร้อมวิธีการดูแลรักษา ใช้งานให้ถูกต้อง เพื่อการถนอมเครื่องซักผ้า ให้ใช้งานได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น ใครที่ยังติดใช้งานแบบผิดๆ อยู่ อ่านบทความนี้จบแล้ว อย่าลืมปรับเปลี่ยนให้ถูกต้องด้วยล่ะ